พระพุทธรูป ถือเป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง และเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ ส่วนปางต่างๆ ของพระพุทธรูป ล้วนแล้วแต่สื่อถึงอริยาบทต่างๆ ของพระพุทธองค์ และเหตุการณ์สำคัญต่างๆในช่วงเวลาที่พระองค์ยังทรงไม่ดับขันธ์ปรินิพพาน ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นรายละเอียดของบางส่วน จากทั้งหมดที่มีการจารึกไว้ ๗๐ ปาง

พระพุทธรูปปาง ห้ามมาร

 พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวายกเสมอพระอุระ หันฝ่าพระหัตถ์ออก พระยาวัสวดีมาร ได้มากราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์เสด็จละสังขารนับตั้งแต่พระพุทธองค์แรกตรัสรู้ แต่พระพุทธองค์ไม่รับอาราธนา เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาประทับ ณ ปาวาลเจดีย์ พระยามารจึงกราบทูลอาราธนาอีก ว่า ปริสสมบัติและพรหมจรรย์สมบูรณ์ ดังพุทธประสงค์ทุกประการ ขอให้ทรงปรินิพพาน พระพุทธองค์ทรงรับอาราธนาโดยตรัสว่า “ดูกรท่าน ท่านอย่าได้ทุกข์โสมนัสเลย อีก ๓ เดือนพระพุทธองค์ก็จะปรินิพพาน”

 พระพุทธรูปปาง สมาธิเพชร

พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิเพชร หงายฝ่าพระบาททั้งสองข้าง ฝ่าพระหัตถ์วางหงายซ้อนกันบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางบนพระหัตถ์ซ้าย  เมื่อพระพุทธองค์เสด็จออกโปรดสัตว์ในเวลาเช้า เสวยแล้วทรงพักกลางวัน ทรงดำรงพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิเพชร พระพุทธรูปปางนี้เป็นพระพุทธรูปประจำวันพฤหัสบดี

พระพุทธรูปปาง โปรดพุทธมารดา

พระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิเพชร หงายฝ่าพระบาททั้งสองข้าง พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ จีบนิ้วด้วยพระดัชนีและพระอังคุฐ ในปางแสดงธรรม  หลังจากพระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ปราบเหล่าเดียรถีย์แล้ว เสด็จสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อเทศนาพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดาเช่นเดียวกับอดีตพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงปฏิบัติ พระพุทธรูปปางนี้เป็นพระพุทธรูปประจำนักษัตร ปีฉลู

พระพุทธรูปปาง มารวิชัย

พระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางคว่ำที่พระชานุ นิ้วพระดัชนีชี้พระธรณี พระยาวัสวดีมาร ทรงช้างคีรีเมขล์พร้อมพลพรรค คือบุคลา
ธิษฐานของกิเลสที่รุมเร้าขัดขวางพระโพธิญาณ พระโพธิสัตว์มิได้ทรงหวั่นไหวพระทัย ทรงชี้ดัชนีลงที่พื้นดินเพื่อเรียกพระแม่ธรณีเป็นพยานว่า ในอดีตชาตินับประมาณมิได้ พระองค์ได้สั่งสมบำเพ็ญพระบารมีมากเพียงพอที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติปัจจุบัน แม่พระธรณีจึง
สำแดงร่าง บีบมวยผมหลั่งน้ำที่พระโพธิสัตว์เคยทรงหลั่งเพื่อบำเพ็ญพระบารมีในอดีตชาติ กลายเป็นกระแสน้ำไหลท่วมเหล่ามารและไพร่พลพระพุทธรูปปางนี้เป็นพระพุทธรูปประจำเดือน ๖

พระพุทธรูปปาง นาคปรก

พระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบ หงายพระหัตถ์ทั้งสองวางบนพระเพลามีพระยานาคแผ่พังพานเหนือพระเศียร ขดนาคทำเป็นพุทธบัลลังก์ในสัปดาห์ที่ ๖ หลังตรัสรู้ พระพุทธองค์เสด็จไปประทับบำเพ็ญสมาธิ ณ ใต้ต้นมุจลินท์หรือต้นจิก คราวนั้นเกิดอากาศวิปริตฝนตก ท่วมท้น พระยานาคมุจลินท์ อาศัยในสระมุจลินท์จึงขึ้นจากสระแผ่พังพานป้องกันพระพุทธองค์จากอากาศวิปริตนั้นพระพุทธรูปปางนี้เป็นพระพุทธรูปประจำวันเสาร์

พระพุทธรูปปาง ลีลา

พระอิริยาบถก้าวพระบาทดำเนิน ยกส้นพระบาทขวา พระกรขวาอยู่บนท่าไกว
พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นเสมอพระอุระป้องไปเบื้องหน้าหมายถึงเหตุการณ์เมื่อพระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์เนรมิตบันไดสามบันไดเพื่อทรงดำเนิน
ได้แก่ บันไดทองข้างซ้ายสำหรับพระอินทร์บันไดแก้วตรงกลางสำหรับพุทธดำเนิน และ
บันไดทองข้างขวาสำหรับพระพรหมนอกจากนี้แล้วพระพุทธรูปปางลีลา อาจ
เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติตอนอื่นๆ เช่นพระพุทธองค์เสด็จจาริกสั่งสอนเผยแผ่
พระพุทธศาสนาพระพุทธรูปปางลีลาเป็นพระพุทธรูปประจำเดือน ๑๑

พระพุทธรูปปาง เสด็จจากดาวดึงส์ (ปางแสดงธรรม)

พระอิริยาบถประทับยืน ยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นเสมอพระอุระ จีบนิ้วพระหัตถ์
ทั้งสอง เป็นกิริยาแสดงธรรม เมื่อพระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์นั้น ทรงจีบนิ้วพระหัตถ์เป็น กิริยาแสดงธรรมพระพุทธรูปที่มีประภามณฑล หรือ พระรัศมี อยู่ด้านหลังเช่นนี้
เกี่ยวข้องกับคติธรรมราชา ในพระพุทธศาสนา กล่าวคือ ก่อนที่จะทรงตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้านั้น พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมี

ในอดีตชาติ เมื่อบารมีเกิด จะเกิดพระรัศมีเปล่งออกจากพระวรกาย พระรัศมีเป็นเครื่องแสดงการสั่งสมบารมี จนเมื่อตรัสรู้ จึงปรากฏพระรัศมีเปล่งออกจากพระวรกายแสดงถึงความเป็นพระพุทธเจ้าพระพุทธรูปปางเสด็จจากดาวดึงส์ เป็นพระพุทธรูปประจำเดือน ๑๑